การเป็นตะคริวบ่อยๆ อาจไม่อันตรายต่อชีวิตโดยตรงในส่วนใหญ่ แต่มันสามารถเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องการการดูแลหรือการรักษาที่เฉพาะเจาะจงได้ ตะคริวเกิดจากการหดตัวอย่างกะทันหันและไม่สมัครใจของหนึ่งหรือหลายกล้ามเนื้อ
เป็นตะคริวบ่อยเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
-
การขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์
การขาดน้ำและการไม่มีความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม สามารถทำให้เกิดตะคริวได้
-
การออกกำลังกายหนัก
การใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักหรือการออกกำลังกายโดยไม่ได้ทำการวอร์มอัพอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่ตะคริวได้
-
สภาพอากาศเย็น
การอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นอาจทำให้เกิดตะคริวได้ง่ายขึ้น
-
การนั่งหรือยืนนานๆ
การอยู่ในท่าทางเดิมๆ นานๆ อาจส่งผลให้เกิดตะคริวได้
-
ความผิดปกติทางการแพทย์
บางครั้งตะคริวอาจเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ หรือความผิดปกติของระบบประสาท
เป็นตะคริวบ่อยส่งสัญญาณเตือนอะไรบ้าง
-
โรคเบาหวาน
อาจทำให้เกิดปัญหาการไหลเวียนโลหิตและความผิดปกติของระบบประสาท อาจเป็นสาเหตุให้เกิดตะคริวบ่อยที่ขาและเท้า
-
ความผิดปกติด้านอิเล็กโทรไลต์
การขาดหรือมีความไม่สมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม สามารถทำให้เกิดตะคริวได้
-
โรคไทรอยด์ที่ไม่ปกติ
ทั้งไทรอยด์ทำงานต่ำ (hypothyroidism) และไทรอยด์ทำงานสูง (hyperthyroidism) อาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและการสร้างพลังงานในร่างกาย ทำให้เกิดตะคริวได้
-
การแข็งตัวของหลอดเลือด (Peripheral artery disease)
ภาวะนี้ทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลงเนื่องจากหลอดเลือดตีบตัน ลดปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดตะคริวได้
-
โรคระบบประสาท
โรคที่เกี่ยวกับประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือโรคเส้นประสาทส่วนปลาย อาจทำให้เกิดตะคริว
-
การขาดน้ำและการขาดสารอาหาร
การไม่ได้รับน้ำและสารอาหารที่เพียงพอสามารถนำไปสู่ตะคริวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีกิจกรรมร่างกายสูงหรือในสภาพอากาศร้อน
ข้อสรุปสำคัญ
หากเป็นตะคริวบ่อยและมีอาการรุนแรงมากขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ การเปลี่ยนแปลงในสีปัสสาวะ หรือความเจ็บปวดที่ไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุและทำการรักษาให้หาย