แคลเซียมบำรุงกระดูกกับวัยที่แตกต่าง ควรกินต่างกันไหม?

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า แต่ละช่วงวัยต้องการแคลเซียมในปริมาณที่ต่างกัน?

อ่านตามหัวข้อ

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า แต่ละช่วงวัยต้องการแคลเซียมในปริมาณที่ต่างกัน? นั่นเป็นเพราะว่ากระดูกของเรามีการเจริญเติบโต เปลี่ยนแปลง และเสื่อมลงตามอายุ

 

แคลเซียมสำคัญอย่างไร?

แคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกและฟัน ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน และยังมีบทบาทในการทำงานของกล้ามเนื้อ หัวใจ และระบบประสาท หากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ ซึ่งอาจทำให้กระดูกอ่อนแอลงและเกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

 

เด็ก (0-18 ปี) – สร้างฐานกระดูกที่แข็งแรง

เด็กและวัยรุ่นเป็นช่วงที่กระดูกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงต้องได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอเพื่อสร้างมวลกระดูกให้มากที่สุดก่อนถึงวัยผู้ใหญ่

 

ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำ

  • ทารก (0-6 เดือน) 200 มก./วัน (จากนมแม่หรือนมผง)
  • ทารก (7-12 เดือน) 260 มก./วัน
  • เด็กเล็ก (1-3 ปี) 700 มก./วัน
  • เด็กโต (4-8 ปี) 1,000 มก./วัน
  • วัยรุ่น (9-18 ปี) 1,300 มก./วัน

 

แหล่งแคลเซียมที่ดี

  • นม โยเกิร์ต ชีส
  • ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี
  • ถั่วและธัญพืช เช่น อัลมอนด์ งาดำ
  • วัยทำงาน (19-50 ปี) – รักษาความแข็งแรงของกระดูก

 

ในวัยนี้ กระดูกของเราจะยังคงแข็งแรง แต่เริ่มมีการสูญเสียแคลเซียมตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องได้รับแคลเซียมให้เพียงพอเพื่อรักษามวลกระดูกและป้องกันปัญหากระดูกในอนาคต

ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำ 1,000 มก./วัน

 

ปัจจัยที่ทำให้แคลเซียมลดลง

  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • ทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป
  • ไม่ออกกำลังกาย

 

เคล็ดลับเสริมแคลเซียม

  • ดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว หรือเลือกนมที่เสริมแคลเซียม
  • รับประทานปลาเล็กปลาน้อย เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งกระดูก
  • ออกกำลังกายโดยเฉพาะเวทเทรนนิ่งและโยคะ เพื่อเสริมสร้างมวลกระดูก
  • ผู้สูงอายุ (50 ปีขึ้นไป) – ป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • เมื่ออายุมากขึ้น การดูดซึมแคลเซียมของร่างกายจะลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อ ภาวะกระดูกพรุน และกระดูกเปราะบาง ซึ่งอาจนำไปสู่กระดูกหักได้ง่าย

 

ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำ

  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุ: 1,200 มก./วัน
  • ผู้ชายอายุ 50-70 ปี: 1,000 มก./วัน
  • ผู้ชายอายุ 71 ปีขึ้นไป: 1,200 มก./วัน

 

ทำไมต้องเพิ่มแคลเซียมในวัยนี้?

  • วัยหมดประจำเดือนทำให้ระดับเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้กระดูกสลายเร็วขึ้น
  • ระบบย่อยอาหารดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง

 

วิธีดูดซึมแคลเซียมให้มีประสิทธิภาพ

  • ควรรับแคลเซียมร่วมกับ วิตามิน D (เช่น รับแสงแดดยามเช้า)
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่รบกวนการดูดซึมแคลเซียม เช่น อาหารที่มีออกซาเลตสูง (ใบชะพลู ผักโขม)
  • ควรออกกำลังกายที่ช่วยเสริมกระดูก เช่น การเดิน ยกน้ำหนัก

 

สรุป

เด็กและวัยรุ่น ควรได้รับแคลเซียมบำรุงกระดูกอย่างเพียงพอเพื่อเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรงและมีความหนาแน่นสูงสุด โดยเน้นอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว และปลาเล็กปลาน้อย

วัยทำงาน ควรรักษาสมดุลของแคลเซียมผ่านอาหารที่หลากหลาย และควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูก เช่น การยกน้ำหนักหรือเดินเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงของการสูญเสียมวลกระดูก

ผู้สูงอายุ ต้องเพิ่มปริมาณแคลเซียมและควบคู่ไปกับการเสริม วิตามิน D เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น รวมถึงออกกำลังกายที่ช่วยป้องกันกระดูกพรุน เช่น โยคะ หรือการเดินเบาๆ