เทนนิสเป็นกีฬาที่มีอายุนับพันปี แต่รูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบันนั้นพัฒนามาจากประเทศอังกฤษ ในศตวรรษที่ 19 และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก ซึ่งกีฬาชนิดนี้ไม่ได้แค่ท้าทายทักษะและความสามารถทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกความมุ่งมั่น ความอดทน และการควบคุมอารมณ์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้ด้วย
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาเทนนิส
ประวัติของกีฬาเทนนิส
รูปแบบแรกของเทนนิส เรียกว่า Real Tennis หรือ Royal Tennis เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 ประเทศฝรั่งเศส ศตวรรษที่ 16 เทนนิสได้รับความนิยมมาก ในช่วงราชวงศ์ทิวเดอร์ ของอังกฤษ และสนามเทนนิสเปิดสู่สาธารณะเมื่อปี 1873
กีฬาเทนนิสในปัจจุบัน
เทนนิสในปัจจุบันเป็นกีฬาที่เล่นบนสนามแบบเปิดหรือปิด รูปสี่เหลี่ยม มีตาข่ายแบ่งฝั่งสนามออกเป็นสองฝั่ง กีฬานี้สามารถเล่นได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่ โดยตีลูกเทนนิสผ่านตาข่ายไปยังฝั่งตรงข้าม และลูกเทนนิสไม่ควรตกลงมานอกเส้นขอบสนาม
องค์กรและการแข่งขัน
มี 4 ทัวร์นาเมนต์เฉพาะกิจใหญ่ (Grand Slams) คือ Wimbledon, US Open, French Open, และ Australian Open
- สำหรับผู้ชาย ATP (Association of Tennis Professionals) ดูแลการแข่งขันระดับโลก
- สำหรับผู้หญิง WTA (Women’s Tennis Association) ดูแลการแข่งขันระดับโลก
อุปกรณ์กีฬาเทนนิส
- ไม้เทนนิส (Racket) เป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการตีลูกเทนนิส ไม้เทนนิสมีหัวไม้ที่มีสายแนวตั้งและแนวนอน ทำจากวัสดุพิเศษเชื่อมต่อกัน และมีด้ามที่ผู้เล่นจับ
- ลูกเทนนิส ทำจากยาง คลุมโดยใช้ผ้าสักหลาด มีสีเหลือง
- ตาข่าย ตั้งแนวนอนผ่านกลางสนามเทนนิส
- รองเท้าเทนนิส ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับการเคลื่อนที่บนสนามเทนนิส ซึ่งมักจะเกาะแน่น และให้ความมั่นคง
- เสื้อผ้า ประกอบด้วยเสื้อ กางเกง และกระโปรงสำหรับผู้หญิง ที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย และการเคลื่อนที่ที่มีประสิทธิภาพ
กฎและกติกากีฬาเทนนิส
- ขนาดสนาม
- สำหรับการแข่งขันเดี่ยว ความกว้าง 8.23 เมตร (27 ฟุต) และความยาว 23.77 เมตร (78 ฟุต)
- สำหรับการแข่งขันคู่ ความกว้างขยายเป็น 10.97 เมตร (36 ฟุต)
- การแยกคะแนน
เกมแรกเริ่มที่ 0-0 คะแนนแรกที่ได้นับเป็น 15 คะแนนที่สองนับเป็น 30 และคะแนนที่สามนับเป็น 40 หากทั้งสองฝ่ายได้คะแนนเสมอกันที่ 40-40 จะต้องแข่งขันกันต่อจนกว่าจะมีใครทำได้ 2 แต้มติดต่อกัน เรียกว่า deuce - การเริ่มต้นเกม
ผู้เล่นที่เริ่มเสิร์ฟ (server) จะเสิร์ฟจากหลังเส้น baseline ผ่านตาข่ายไปยัง service box ของฝั่งตรงข้าม - การเปลี่ยนด้าน
ผู้เล่นจะเปลี่ยนด้านหลังจากผ่านไปทุก ๆ 1 หรือ 2 เกม - การเสิร์ฟ
มีสิทธิ์เสิร์ฟได้คะแนนละ 2 ครั้ง หากเสิร์ฟครั้งแรกเสียหรือไม่ถูกต้อง จะต้องเสิร์ฟครั้งที่สอง - ลูกเทนนิส
ลูกเทนนิสต้องถูกตีเพียงครั้งเดียวในการรับลูก และไม่สามารถตีลูกซ้ำได้ - กฎขอบสนาม
ลูกเทนนิสต้องตกลงในขอบสนามของฝั่งตรงข้าม ถ้าไม่เป็นแบบนั้นจะถือว่าเป็นคะแนนของฝั่งตรงข้าม - การชนตาข่าย
หากในการเสิร์ฟ ลูกเทนนิสชนตาข่ายแล้วตกลงกรอบพื้นที่เสิร์ฟที่ถูกต้องในแนวทแยง ลูกสัมผัสตาข่ายแล้วไปโดนผู้เล่นฝั่งตรงข้ามโดยที่ลูกยังไม่ตกพื้น หรือการเสิร์ฟเมื่อผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามยังไม่พร้อม จะถือเป็น “let” และต้องเสิร์ฟใหม่ - การตัดสิน
การแข่งขันเดี่ยวมักจะเป็น 3 หรือ 5 เซ็ต และผู้เล่นที่ชนะสองหรือสามเซ็ตก่อนจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน
ทักษะและเทคนิคที่ควรรู้ กีฬาเทนนิส
- การเสิร์ฟ (Serve)
- “Flat Serve” คือ การเสิร์ฟลูกเทนนิสให้มีความเร็วและมีการหมุนน้อยที่สุด
- “Slice Serve” หรือ “Side Spin Serve” คือการเสิร์ฟลูกเทนนิสโดยให้มีการหมุนเฉียงหรือหมุนด้านข้าง
- “Kick Serve” หรือ “Topspin Serve” คือการใช้เทคนิคการหมุนลูกในแนวตั้ง ทำให้ลูกเทนนิสยากที่จะตีกลับ
- การตีลูกแบบต่าง ๆ
เช่น forehand, backhand, volley, และ smash
- การเคลื่อนที่บนสนาม (Footwork)
การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและแม่นยำบนสนามเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งการวิ่ง การกระโดด และการสไลด์
- การจับไม้เทนนิส (Grip)
มีหลายแบบ เช่น Eastern, Western, หรือ Continental ซึ่งจะมีผลต่อแนวการตีและการหมุนของลูกเทนนิส
ข้อสรุปสำคัญ
เทนนิส นอกจากจะเป็นกีฬาที่ฝึกการคิด การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และการประสานสายตาแล้ว ยังช่วยเสริมสุขภาพในด้าน การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ และการเสริมสร้างระบบทางเดินหายใจ แม้ว่าจะมีความซับซ้อนในการเรียนรู้ทักษะและเทคนิค แต่ถือว่าเป็นความท้าทายที่ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง รวมถึงสร้างความสนุกสนานกับการแข่งขัน